RSS

Lambretta History




จากการเยี่ยมชมโรงงานของ Starace เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 1939 เขาได้กล่าวไว้ว่าโรงงานของ Innocenti “ มีลักษณะแบบฟาสซิสต์ ” เพราะทำการผลิตเฉพาะกระสุนปืนเท่านั้น แรงงานประมาณ 90% ถูกนำไปใช้ในการผลิตเพื่อการสงครามในปี 1939 คนงานของ Innocenti ผลิตกระสุนปืนคิดเป็น 5.5% ของการผลิต ยุทธปัจจัยทั้งหมด ของอิตาลแต่เมื่อคำนึงถึงการผลิตทางด้านเครื่องจักรก ลแล้วกลับมีปริมาณถึง 17% ของการผลิตทั้งหมดภายในเวลาเพียง 4 ปี Innocenti สามารถสร้างโรงงานได้เพิ่มขึ้นสามเท่าตัว และสร้างยอดการผลิตได้ถึงสิบเท่า



หลังวันที่ 8 กันยายน 1943 บริษัทต้องตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพเยอรมัน แม้ว่าจะมีแรงต่อต้านจากภายในก็ตาม ในช่วงเวลานั้นการผลิตเพื่ออุดหนุนกองทัพยังคงดำเนิน ต่อไป ในช่วงนี้ Innocenti ยังคงติดตามเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทของเขาอยู่เสมอ และสร้างสายสัมพันธ์ทางการเมืองอย่างสมดุลระหว่าง เยอรมัน RSI CLN และกลุ่มพลังประชาธิปไตย เขายังได้ให้เงินอุดหนุนแก่กองกำลังใต้ดินของอิตาลีด ้วย นายพล Poletti ชื่นชมในความเฉลียวฉลาดในการประสานผลประโยชน์ของเขาม าก และนี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาไม่ได้ถูกกวาดล้างโ ดยกองกำลัง ฝ่ายสัมพันธมิตร จาก Rome เขาสามารถมองเห็นความรุ่งเรืองของ วงการอุตสาหกรรมครั้งใหม่ภายหลังสงครามยุติ และนี่คือความหวังของเขาที่จะรักษาโรงงานต่าง ๆ ของเขาให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อเริ่มสายการผลิตใหม่ และหากจะมีโรงงานบางแห่งที่ถูกโจมตีจากกองกำลังพันธม ิตร ก็คงเป็นส่วนที่ไม่มีความสำคัญมากนัก การชะลอการผลิตในช่วงนี้กลับเป็นผลดี เพราะสามารถนำวัตถุดิบต่าง ๆ มาใช้เป็นค่าก่อสร้างโรงงานใหม่ได้ หลังสงครามสงบ Innocenti ได้เดินทางกลับ Milan และภายหลังการประชุมกับพวกคนงานจนประสบความสำเร็จ เขาก็เริ่มแผนงานใหม่ของเขาทันที แผนงานใหม่นี้มีทั้งสิ้น 3 ระดับ คือ

1. ผลิตยานยนต์ราคาต่ำเพื่อผู้ใช้แรงงาน

2. สร้างเครื่องจักรกลโลหะ และก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรม

3. พัฒนากระบวนการ sintering


ยานยนต์ที่สร้างขึ้นคือ Lambretta ซึ่งเขาได้ความคิดมาจากยานยนต์ที่ทิ้งลงมาจากร่มชูชี พของกองทัพอังกฤษ Innocenti คิดว่ายานยนต์ลักษณะนี้คงได้รับความสนใจภายในประเทศ เพราะประชาชนมีความต้องการยานพาหนะที่สามารถเดินทางไ ด้รวดเร็วขึ้นที่ Guidonia Innocenti ได้มีโอกาสพูดคุยกับพันเอก D’ascanio แต่ ปรากฎว่าความคิดของเขาทั้งสองไม่ตรงกันในเรื่องการออ กแบบยานยนต์ ดังกล่าว ต่อมา D’ascanio ได้หันไปร่วมมือกับ

Piaggio เพื่อทำการผลิต Vespa อย่างไรก็ตาม Innocenti พยายามติดต่อกับนายทหารคนอื่นอีกที่ทำงานอยู่ในศูนย์ วิศวกรรม Guidonia ในที่สุดเขาก็ได้พบกับพันเอก Torre ซึ่งต่อมาได้กลายเป็น “ บิดาของ Lambretta ” ในส่วนของโครงการหล่อเหล็กนั้น Innocenti ต้องการได้ผลงานของ Calmes แห่ง Apuania เพื่อนำมาผลิตเหล็กท่อไร้ตะเข็บ และในส่วนของ sintered materials เขามีความคิดที่จะผลิตประกับเพลาสำหรับมอเตอร์ไฟฟ้า และ endothermic machinery นี่คือโครงการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงโครงสร้างใหม่

บริษัทมีกำหนดส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าภายในเดือนเมษายน 1948 โครงการหล่ออลูมิเนียมกำลังเริ่มดำเนินงาน ในขณะเดียวกันก็จัดเตรียมอุปกรณ์ในการผลิตเหล็กหล่อ ฐานะการเงินของบริษัทในช่วงนี้อยู่ในขั้นวิกฤต แต่สถานการณ์เริ่มดีขึ้นในเดือนเมษายน เพราะได้รับเงินกู้จากธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออก ของ อเมริการเป็นจำนวน 1,000 ล้าน ดอลลาร ์

อนึ่ง แทนที่จะสามารถผลิต Lambretta ได้วันละ 150 คัน แต่ ปรากฎว่าผลิตได้จริงเพียงวันละ 10 คันเท่านั้น ทั้งนี้เพราะการจัดการที่ผิดพลาดและขาดเงินทุน Calbiani ได้เข้ามาปรับปรุงองค์กรใหม่ และวางแผนที่จะผลิต Lambretta ให้ได้วันละ 25 — 30 คันในเวลาอันสั้น เครื่องหล่อถูกใช้งานอย่างเต็มที่เพื่อผลิตชิ้นส่วนต ่าง ๆ ขณะเดียวกัน Innocenti ได้เริ่มก่อสร้างโรงงานที่ Apuania ขึ้นใหม่ ซึ่งเขาจะใช้เป็นสถานที่ผลิตเหล็กท่อ ซึ่งทั้งนี้เป็นผลมาจากการระดมเงินทุนและการปรับการจ ัดการบริษัทเสียใหม่ สำหรับโรงงาน Lambrate นั้นบริหารงานโดย Lauro ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเขา และได้รับการยอมรับมากจากผลงานการทำงานที่ Navalmeccanica และ IRI อย่างไรก็ตาม แผนกผลิตเครื่องยนต์ยังประสบปัญหาอยู่

Lambretta โมเดล M ( รุ่นแรก) เริ่มผลิตในช่วงปลายปี 1948 และทั้ง ๆ ที่มีศักยภาพที่จะผลิตได้ถึง 80 - 85 คัน / วัน แต่กลับผลิตได้จริงเพียงวันละ 70 คันเท่านั้น ทั้งนี้เพราะตลาดยังไม่ยอมรับเท่าที่ควร ในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีถัดมาเริ่มมีการส่งออกไปจำหน่ายใ นอเมริกาและอาร์เจนตินาจำนวน 20,000 คัน ในขณะเดียวกันทางบริษัทก็เริ่มทำการออกแบบรุ่นที่สอง (โมเดล B) ตามมา โดยมีกำหนดจะทำการผลิตจริงในปี 1949 ทั้งนี้เพื่อแก้ไขจุดอ่อนต่าง ๆ ของรุ่นก่อนหน้านี้ รถรุ่นที่สองนี้มีลักษณะเหมือนกับรถรุ่นแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการใช้เครื่องยนต์ชนิดเดียวกัน แต่มีการตั้งระบบกันกระเทือนทั้งหน้าและหลังเพิ่มเข้ ามา เปลี่ยนจากเกียร์เท้ามาเป็นเกียร์มือ เปลี่ยนขนาดล้อจาก 7” เป็น 8” พร้อมทั้งมีการพ่นสี เมทัลลิ คด้วย ในช่วงนี้บริษัทได้เปลี่ยนสภาพกลายเป็นบริษัทที่ทันส มัยและประสิทธิภาพ ประธานบริษัทคือ Ferdinando Innocenti และได้รับความช่วยเหลืออย่างดีจาก Firamonti และ Fumagalli Lauro ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทั่วไป Guani ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการส่วนกลาง ผู้จัดการฝ่ายบริหารได้แก่ Moro Rey ควบคุมแผนกเครื่องยนต์และวิศวกรรม จนถึงเดือนมิถุนายน 1949 จึงเปลี่ยนมาเป็น Parolari ปลายเดือนตุลาคม 1948 Lambreta โมเดล A ผลิตได้ทั้งหมด 9,660 คันและหยุดการผลิตในทันที จากบัญชีค่าใช้จ่ายเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 1949 พบว่าบริษัทของเขาขาดทุนถึง 800 ล้าน ลีร์ แต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับ Innocenti เพราะในช่วงสามเดือนแรกของการจำหน่ายโมเดล B ยอดขาดทุนลดเหลือเพียง 200 ล้าน ลีร์เท่านั้น ในระยะนี้การจัดองค์การผลิตเริ่มดีขึ้น และสามารถเพิ่มยอดการผลิตจากวันละ 70 คันเมื่อเดือนมกราคม เป็น 150 คันต่อวัน ในเดือนกรกฎาคม

วันที่ 30 มิถุนายน 1949 มีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารใหม่คือ Ferdinando Innocenti ดำรงตำแหน่งประธานบริษัท Lauro รับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร โดยมีที่ปรึกษาคือ Luigi Innocenti ( ลูกชาย Ferdinando ) และ Pestalozzi

ในปี 1957 Torre ได้รับการขอร้องให้ออกแบบรถยนต์ขนาดเล็ก แต่ Parolari ได้ระงับโครงการนี้ไว้ เพราะเขาต้องการที่จะเป็นผู้นำในวงการยานยนต์แต่เพีย งผู้เดียว ในช่วงระหว่างปี 1957 - 1958 Torre ก็ได้ออกแบบรถอเนกประสงค์ต้นแบบอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งสามารถผลิตได้ในโรงงานของ Innocenti แต่โครงการดังกล่าวก็ต้องถูกยกเลิกไปในปีถัดมา ถึงแม้จะมีการตกลงกันไว้แล้วกับ Gogomobil Iseria ในการผลิตรถยนต์ขนาดเล็กก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้น Innocenti เองก็ไม่ต้องการที่จะแข่งขันกับ Fiat ด้วย ในปี 1959 บริษัท BMC แห่ง Birmingham ได้ทำสัญญากับ Innocenti ที่จะผลิต Austin A40 ออกมา ข้อตกลงดังกล่าวนั้นรวมถึงการประกอบและเคลือบสีชิ้นส ่วนต่าง ๆ ที่ผลิตโดย BMC การเจรจาใช้เวลาถึง 7 เดือนกว่าจะประสบผลสำเร็จ สายงานการผลิต A40 สำเร็จเรียบร้อยภายในเวลาปีเศษ จนถึงปลายปี 1960 จึงเริ่มทำการผลิตได้วันละ 100 คัน ในระหว่างปี 1961 — 1962 แผนกขึ้นรูปก็พร้อมสำหรับการผลิต A40 ยอดผลิตในปี 1962 มีทั้งสิ้น 20,900 คัน และเพิ่มเป็น 30,600 คันในปี 1963 เพราะมีการผลิตโมเดล IM3 เพิ่มเข้ามา Fernandino Innocenti Luigi เสียชีวิตในปี 1966 ขณะที่มีอายุได้ 85 ปี Luigi ลูกชายของเขาเป็นผู้รับมรดกที่เขาทิ้งไว้ และก้าวขึ้นเป็นประธานบริษัทคนต่อมา

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ค้นหาบล็อกนี้